Tyme Clinic | ilmThai

อาการปวดไม่ใช่เรื่องไกลตัว 

แต่หากปวดเรื้อรังแล้วปล่อยทิ้งไว้…อาจเสี่ยงภาวะเครียดสะสม ภาวะซึมเศร้า  ภาวะอักเสบเรื้อรังอันนำไปสู่โรคเรื้อรังร้ายแรงอื่นๆได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง 

อาการปวดเป็นอาการที่พบได้ในทุกคน  สำหรับในกลุ่มชาวออฟฟิศหรือคนไทยวัยทำงานนั้นสามารถพบปวดคอ บ่า ไหล่ ปวดท้ายทอย ออฟฟิศซินโดรม

ปวดหัวเรื้อรัง ไมเกรน ได้บ่อย

สาเหตุที่พบได้บ่อยของอาการปวดหัวเรื้อรัง

ไมเกรน หรือปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ในวัยทำงาน ได้แก่

1.กล้ามเนื้อมีความตึงตัวสูง และมีพังผืดในกล้ามเนื้อ

เกิดจากการอยู่ในท่าทางที่ผิดเป็นระยะเวลานานๆ หรือมีโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ 

 

สามารถสังเกตได้จากการจับกล้ามเนื้อบริเวณท้ายทอย คอ หรือบ่า จะมีลักษณะแข็งนูนเป็นก้อนซึ่งทำให้ไปกดทับเส้นเลือดและเส้นประสาทจนเกิดอาการปวดเรื้อรัง ในบางเคสปวดร้าวไปที่ศีรษะ จนทำให้ปวดหัวเรื้อรังที่หลายคนอาจเข้าใจ ว่าเป็น ‘ไมเกรน’ ได้ 

2.เครียดสะสมจากการทำงาน การเงิน และครอบครัว

ในหลายๆเคสอาการปวดนั้นถูกกระตุ้นจากความเครียดที่เผชิญอยู่ เนื่องจากเมื่อมีความเครียดสะสมมากเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหว จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด(คอร์ติซอล)ที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อหดเกร็งมากกว่าปกติจนทำให้เกิดอาการปวดมากขึ้นโดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดเล็กบริเวณศีรษะ คอ บ่า

สามารถสังเกตได้จากการที่อาการปวดจะมากขึ้นในวันที่มีเรื่องเครียดๆ จากปัญหาการเงิน ปัญหาครอบครัว ปัญหาความสัมพันธ์ หรือหากเนื่องจากงานก็จะมีอาการปวดมากขึ้นในวันทำงาน วันประชุมงาน หรือช่วงเย็นๆหลังเลิกงานหรือช่วงที่ใกล้เวลาเลิกงาน และอาการดีขึ้นเมื่อได้พักผ่อนหรือหยุดพัก   

3.ภาวะขาดสารอาหาร

ในวัยทำงานนั้น เป็นวัยที่รีบเร่ง ทุกอย่างต้องเร็วรัดตัว และไม่ได้รับผิดชอบแค่เรื่องงาน หลายๆท่านต้องดูแลครอบครัวไปพร้อมๆ กัน จนไม่มีเวลาพิถีพิถันในการดูแลตัวเองโดยเฉพาะในด้านอาหาร จึงมักกินอาหารซ้ำๆ ไม่หลากหลาย กินแค่อิ่ม แค่พอทำงานได้ จึงส่งผลให้เกิดภาวะขาดสารอาหารแบบไม่รู้ตัวโดยเฉพาะกรดอะมิโนจำเป็น และกลุ่มวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะกลุ่ม วิตามิน B2 B12 วิตามินดี แมกนีเซียม ที่มีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและระบบประสาท

ดังนั้น เมื่อขาดสารอาหารเหล่านี้ร่างกายก็ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ จึงเกิดอาการปวดเรื้อรังไม่หายขาด

4.ความไม่สมดุลของฮอร์โมน

มีหลากหลายฮอร์โมนที่มีส่วนสำคัญในการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น เอสโตรเจน โปรเจสเตอร์โรน เทสโทสเตอร์โรน โกรทฮอร์โมน ฮอร์โมนต่อมหมวกไต

ในเคสที่อาการปวดหัว ปวดไมเกรน หรือกล้ามเนื้อเรื้อรังจากฮอร์โมนในผู้หญิงมักสัมพันธ์กับรอบเดือน

ส่วนในผู้ชายหากอาการปวดเนื่องด้วยภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย(เทสโทสเตอร์โรน)มักจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อร่วมกับภาวะกล้ามเนื้อน้อย ลงพุง ไขมันสะสมเยอะ เป็นต้น

นอกจากอาการปวดกล้ามเนื้อส่วนบนที่พบได้บ่อยในวัยทำงานแล้ว ยังมีอาการปวดในส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่รบกวนการใช้ชีวิตและการทำงาน
ได้แก่

  • สะบักจม
  • พังผืดกดทับเส้นประสาทข้อมือ: ปวดข้อมือ ชามือ มืออ่อนแรง กำมือไม่สุด
  • นิ้วล็อก ปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ
  • ปวดหลังเรื้อรัง
  • ปวดขา ปวดก้น สลักเพชรจม
  • ปวดเข่า ปวดร้าวลงขา
  • หมอนรองกระดูกเสื่อม
  • หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
  • กระดูกสันหลังเสื่อม
  • รองช้ำ

อาการปวดเรื้อรังเมื่อปล่อยไว้นานจะมีผลให้เกิดพังผืดในกล้ามเนื้อและเอ็น จึงส่งผลให้กดทับเส้นประสาทและหลอดเลือดแล้วมีอาการปวดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาการปวดที่รุนแรงนั้นยังส่งผลต่อด้านอารมณ์และการนอน เช่น ทำให้หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน นอนหลับยาก นอนหลับไม่สนิท ปวดมากจนต้องตื่นกลางดึก เป็นต้น และยังส่งคุณภาพชีวิต เช่น ปวดมากจนต้องหยุดงาน

“อาการเหล่านี้ มีวิธีแก้ รักษาหายได้
เพียงแค่หาสาเหตุและรักษาให้ตรงจุด”

ธามคลินิกจึงได้พัฒนาโปรแกรม iPLM ที่ช่วยรักษาอาการปวดเหล่านี้ ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย และใส่ใจทุกอาการปวด

ขั้นตอนการรักษาด้วยโปรแกรม iPLM

อาการที่ต้องมาพบแพทย์ 

  • อาการปวดรุนแรงจนรบกวนการนอนและการใช้ชีวิต
  • อาการเรื้อรังมากกว่า 1 เดือน
  • มีอาการปวดร่วมกับอาการชา หรือ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น เมื่อมีอาการปวด อย่าปล่อยให้เรื้อรัง รีบเข้ารับการรักษากับคุณหมอได้เลยนะคะ

เคสใหม่รับส่วนลดค่าแพทย์ 500 บาท เมื่อคลิกแอดไลน์ แล้วแจ้งโค้ด “new iPLM”

ติดต่อ / ปรึกษาเรา

หมายเหตุ: การเบิกเคลมค่ารักษา ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันสุขภาพ สวัสดิการบริษัท และต้นสังกัด โดยทางคลินิกจะมีใบรับรองแพทย์และใบเสร็จค่ารักษาให้ตามอาการจริง